ศูนย์จำหน่ายเครื่องช่วยฟัง (ดิจิตอล/อนาล็อก) การันตีคุณภาพ
ปิด
bannergoodprice
เครื่องช่วยฟัง
โปรโมชั่นเครื่องช่วยฟัง
โปรโมชั่นเครื่องช่วยฟัง
โปรโมชั่นเครื่องช่วยฟัง
เครื่องช่วยฟังดิจิตอลชาร์จไฟ เครื่องช่วยฟังอันเล็กมาก เครื่องช่วยฟัง_sohu05
เครื่องช่วยฟังลดราคา
เครื่องช่วยฟังอันเล็กมาก
เครื่องช่วยฟังดิจิตอลชาร์จไฟ
เครื่องช่วยฟัง_sohu05
เครื่องช่วยฟังดิจิตอล ถ่านเครื่องช่วยฟัง พร้อมอุปกรณ์ครบชุด สินค้าคุณภาพสูง ในราคาถูก ที่ทุกคนสัมผัสได้อย่างง่ายดาย สำหรับคนที่มีการสูญเสียการได้ยิน ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพ และยอดขายมาเป็นอันดับ 1 มั่นใจในคุณภาพ รับประกันทุกชิ้น
ร้านขายเครื่องช่วยฟัง

หลักการเลือกเครื่องช่วยฟังที่ดี

เครื่องช่วยฟัง ระบบดิจิตอล จะดีกว่า ระบบอนาล็อค ตรงที่คุณภาพเสียงที่ขยายจะชัดกว่า ได้เสียงที่ใกล้เคียงกับเสียงที่เราพูดมากกว่า ลดเสียงรบกวนที่แทรกเข้ามากับเสียงของ คนพูดได้ และเมื่อถ่านหมดระบบดิจิตอลจะมีสัญญาณแจ้งเตือนให้เปลี่ยนถ่านอีกด้วย ระบบดิจิตอลจะแบบความชัดของคุณภาพตาม Channel ซึ่งเครื่องช่วยฟังที่มี Channel มากๆ ก็จะยิ่งได้เสียงที่ชัดมากยิ่งขึ้น และ ถ้าเราอยู่ในสถานที่ ที่แตกต่างกัน การได้รับเสียง ก็ต่างกันด้วย ระบบดิจิตอลเองก็สามารถตั้งโหมดไว้รองรับได้ เช่น กรณีที่ไปที่ตลาด เจอเสียงดัง ทำให้เรารับฟังไม่เป็นคำพูดก็ตั้งลดเสียงแทรกต่างๆ ลงได้

เครื่องช่วยฟัง CICT1
3,890.-
ลดจาก 8,790.-
เครื่องช่วยฟัง SU05U
7,090.-
ลดจาก 10,990.-
เครื่องช่วยฟัง CICT3
7,090.-
ลดจาก 13,500.-
SA13
3,290.-
ลดจาก 6,890.-
เครื่องช่วยฟัง CA10
2,490.-
ลดจาก 3,890.-
เครื่องช่วยฟัง CICT1
3,890.-
ลดจาก 8,790.-
เครื่องช่วยฟัง CICT4
4,190.-
ลดจาก 9,590.-
เครื่องช่วยฟัง EP08
4,190.-
ลดจาก 8,990.-
เครื่องช่วยฟัง SU05
5,090.-
ลดจาก 10,590.-
เครื่องช่วยฟัง SU05U
7,090.-
ลดจาก 10,990.-
เครื่องช่วยฟัง CICT3
7,090.-
ลดจาก 13,500.-
JH113A
990.-
ลดจาก 1,790.-
เครื่องช่วยฟัง Lantex JH116
990.-
ลดจาก 1,650.-
402
สินค้าหมด
1,990.-
ลดจาก 3,690.-
403
สินค้าหมด
2,990.-
ลดจาก 5,690.-
ถ่านเครื่องช่วยฟังเบอร์ A10
180.-
ถ่านเครื่องช่วยฟังเบอร์ A13
180.-
ถ่านเครื่องช่วยฟังเบอร์ A312
180.-
ถ่านเครื่องช่วยฟังเบอร์ A675
180.-
picreview
บทความและข่าวสาร
ทำไมการตรวจสุขภาพหูประจำปีถึงสำคัญ? คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน
ความสำคัญของการได้ยินและการดูแลสุขภาพหู การได้ยินเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารและดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ช่วยให้เรารับรู้เสียงจากสิ่งแวดล้อม สื่อสารกับผู้อื่น และเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีหรือธรรมชาติ แต่หลายคนมักมองข้ามความสำคัญของการตรวจสุขภาพหูประจำปี จนกระทั่งมีปัญหาเกิดขึ้น การตรวจสุขภาพหูอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาการได้ยินก่อนที่มันจะรุนแรงขึ้น การตรวจสุขภาพหูประจำปีคืออะไร? การตรวจสุขภาพหูประจำปีเป็นกระบวนการที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ใช้ในการตรวจสอบและวินิจฉัยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการได้ยินและสุขภาพหูโดยรวม โดยการตรวจสุขภาพหูสามารถประกอบไปด้วยหลายขั้นตอน เช่น การวัดระดับการได้ยิน การตรวจสอบสภาพของช่องหู และการวินิจฉัยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในหูชั้นในหรือหูชั้นนอก การตรวจสุขภาพหูประจำปีช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะแรก และทำการรักษาได้ทันท่วงที เหตุผลที่คุณควรตรวจสุขภาพหูเป็นประจำ   การตรวจพบปัญหาในระยะแรก การตรวจสุขภาพหูประจำปีช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบปัญหาการได้ยินหรือความผิดปกติในระยะแรกเริ่ม การรักษาในระยะนี้มักมีประสิทธิภาพมากกว่าและช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของการได้ยินในระยะยาว ปัญหาการได้ยินที่ไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาอาจลุกลามจนเกิดความเสียหายถาวร ป้องกันการสูญเสียการได้ยินถาวร การสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานานหรือการติดเชื้อในหูสามารถนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินถาวรได้ การตรวจสุขภาพหูประจำปีช่วยให้เรารับรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้และสามารถป้องกันหรือรักษาได้ทันเวลา นอกจากนี้ การใช้ยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงต่อการได้ยินยังสามารถตรวจสอบได้โดยแพทย์ ปรับปรุงคุณภาพชีวิต การได้ยินที่ดีส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดี การตรวจสุขภาพหูเป็นประจำช่วยให้เราสามารถรักษาการได้ยินให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้เราสื่อสารกับคนรอบข้างได้ดีขึ้น เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ได้เต็มที่ และลดความเครียดที่เกิดจากการพยายามฟังเสียงที่ไม่ชัดเจน การปรับอุปกรณ์ช่วยฟังให้เหมาะสม สำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ช่วยฟัง การตรวจสุขภาพหูประจำปีช่วยให้แพทย์สามารถปรับแต่งอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับสภาพการได้ยินที่เปลี่ยนแปลงไปได้ การปรับแต่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้นและปรับตัวกับการได้ยินใหม่ได้ดียิ่งขึ้น การตรวจสอบสุขภาพหูในภาพรวม นอกเหนือจากการตรวจการได้ยิน การตรวจสุขภาพหูประจำปียังช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบสภาพโดยรวมของหูได้ เช่น การตรวจหาการติดเชื้อ การอักเสบ หรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการได้ยินและสุขภาพหู การตรวจสอบสุขภาพหูอย่างละเอียดช่วยให้มั่นใจได้ว่าหูของคุณอยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมสำหรับการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ขั้นตอนในการตรวจสุขภาพหู การตรวจด้วยเครื่องตรวจการได้ยิน (Audiometry) แพทย์จะใช้เครื่องตรวจการได้ยินเพื่อวัดระดับการได้ยินเสียงในแต่ละความถี่และระดับเสียง การทดสอบนี้ช่วยให้แพทย์สามารถระบุได้ว่ามีการสูญเสียการได้ยินในระดับใด และสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ การตรวจด้วยกล้องขยายหู (Otoscopy) แพทย์จะใช้กล้องขยายหูเพื่อตรวจสอบสภาพของช่องหูและแก้วหู การตรวจนี้ช่วยให้แพทย์เห็นภาพภายในหูอย่างชัดเจน และสามารถตรวจสอบว่ามีการติดเชื้อหรือการอักเสบภายในหูหรือไม่ การตรวจสมดุลและการทรงตัว หากคุณมีอาการเวียนศีรษะหรือสูญเสียการทรงตัว แพทย์อาจทำการทดสอบสมดุลและการทรงตัวเพื่อตรวจสอบความผิดปกติในหูชั้นใน การทดสอบนี้อาจรวมถึงการวัดการตอบสนองของการทรงตัวเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง การดูแลรักษาการได้ยินในระยะยาว การตรวจสุขภาพหูเป็นประจำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาการได้ยินในระยะยาว การป้องกันการสูญเสียการได้ยินด้วยการหลีกเลี่ยงเสียงดัง การใช้ที่อุดหูในสถานการณ์ที่เสียงดังเกินไป การรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง และการรักษาความสะอาดของหูอย่างถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน การปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและการเฝ้าระวังสุขภาพหูของตนเองจะช่วยให้การได้ยินของคุณยังคงดีตลอดชีวิต การตรวจสุขภาพหูประจำปีเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสุขภาพหูและการได้ยิน การตรวจพบปัญหาในระยะแรกเริ่มและการรักษาอย่างทันท่วงทีสามารถช่วยป้องกันการสูญเสียการได้ยินถาวรและปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้ การตรวจสุขภาพหูเป็นประจำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพหูของคุณ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพหูและการดูแลรักษาการได้ยินในระยะยาว      
การได้ยินเสียงในชีวิตประจำวัน วิธีการรักษาสุขภาพหูให้แข็งแรง
ความสำคัญของการได้ยินในชีวิตประจำวัน การได้ยินเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน ช่วยให้เราสามารถสื่อสารกับผู้อื่น รับรู้สิ่งรอบตัว และเพลิดเพลินกับสิ่งที่เรารัก เช่น ดนตรี เสียงธรรมชาติ และเสียงของครอบครัว การได้ยินที่ดีมีผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม การดูแลสุขภาพหูจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งการหาวิธีการรักษาสุขภาพหูให้แข็งแรงนั้นควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหูนั้นเอาไว้รับเสียงจากรอบข้าง โดยทุกช่วงอายุต้องใช้เสียงตลอด การดูแลสุขภาพหูในชีวิตประจำวัน การทำความสะอาดหูอย่างถูกต้อง วิธีการรักษาสุขภาพหูให้แข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงการใช้สำลีปั่นหูหรือวัตถุแหลมเข้าไปในหู เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บและการติดเชื้อ ควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดบริเวณรอบนอกของหูเท่านั้น หากมีขี้หูสะสมมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อล้างหูอย่างถูกวิธี การป้องกันการสัมผัสเสียงดัง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลานาน เช่น การฟังเพลงดังๆ ผ่านหูฟัง ควรปรับระดับเสียงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย และพักหูเป็นระยะ หากต้องทำงานในที่ที่มีเสียงดัง ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียง เช่น ที่อุดหู หรือหูฟังลดเสียง การรักษาสุขภาพโดยรวม การรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การกินอาหารที่มีประโยชน์ และการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด จะช่วยให้การได้ยินดีขึ้น การรับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน A, C, E และแมกนีเซียม ช่วยในการรักษาสุขภาพหู สัญญาณเตือนของปัญหาการได้ยิน การได้ยินเสียงในหู (หูอื้อ) หากได้ยินเสียงดังหรือเสียงซ่าภายในหู อาจเป็นสัญญาณของปัญหาการได้ยิน ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษา การได้ยินเสียงไม่ชัดเจน หากรู้สึกว่าการได้ยินเสียงไม่ชัดเจน หรือเสียงดังน้อยลง อาจเป็นสัญญาณของการสูญเสียการได้ยิน ควรตรวจสุขภาพหูโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความเจ็บปวดหรือคันในหู หากรู้สึกเจ็บปวดหรือคันในหู อาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษา การรักษาปัญหาการได้ยิน การใช้ยาปฏิชีวนะ หากปัญหาการได้ยินเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ ยาควรใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการดื้อยา การใช้อุปกรณ์ช่วยฟัง สำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินถาวร อุปกรณ์ช่วยฟังสามารถช่วยให้การได้ยินดีขึ้น อุปกรณ์เหล่านี้มีหลายประเภทและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล การบำบัดทางเสียง การบำบัดทางเสียงเป็นการฝึกหูให้ปรับตัวกับการได้ยินใหม่ๆ การฝึกหัดนี้อาจทำให้การได้ยินดีขึ้นและลดอาการหูอื้อ เคล็ดลับเพิ่มเติมในการรักษาสุขภาพหู การหลีกเลี่ยงการใช้หูฟังเป็นเวลานาน การใช้หูฟังเป็นเวลานานอาจทำให้หูอักเสบและการได้ยินลดลง ควรพักหูเป็นระยะและปรับระดับเสียงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพหู การออกกำลังกายสามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหู และช่วยให้การได้ยินดีขึ้น กิจกรรมที่ช่วยในการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เช่น การเดิน การวิ่ง หรือการปั่นจักรยาน การรับรู้ถึงเสียงอันตราย ควรตระหนักถึงเสียงที่อาจเป็นอันตรายต่อหู เช่น เสียงดังจากการก่อสร้าง หรือเสียงดังจากเครื่องยนต์ ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ที่อุดหูเพื่อป้องกัน การตรวจสุขภาพหูเป็นประจำ วิธีการรักษาสุขภาพหูให้แข็งแรงนั้นสำคัญมาก การตรวจสุขภาพหูเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรารับรู้ถึงปัญหาการได้ยินในระยะแรกเริ่ม และสามารถรักษาได้ทันท่วงที การตรวจสุขภาพหูสามารถทำได้ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก การดูแลสุขภาพหูเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการได้ยินมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การทำความสะอาดหูอย่างถูกวิธี การป้องกันการสัมผัสเสียงดัง การรักษาสุขภาพโดยรวม และการตรวจสุขภาพหูเป็นประจำ เป็นวิธีการที่ช่วยให้การได้ยินของเรายังคงดีตลอดชีวิต
เครื่องช่วยฟัง: ตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาหูตึง
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีและการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก ตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาหูตึง ปัญหาหูตึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป เครื่องช่วยฟังได้กลายเป็นทางออกที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาหูตึงในการปรับปรุงคุณภาพชีวิต และทำให้สามารถสื่อสารกับคนรอบข้างได้อย่างปกติ ปัญหาหูตึงและสาเหตุ หูตึงเป็นภาวะที่การได้ยินเสียงของบุคคลลดลง อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุ การสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน การติดเชื้อที่หู ยาบางชนิดที่ทำลายประสาทหู หรือพันธุกรรม ซึ่งเป็นการสืบทอดลักษณะการได้ยินจากครอบครัว เครื่องช่วยฟังคืออะไร? เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยขยายเสียง เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาหูตึงสามารถได้ยินเสียงได้ดีขึ้น ประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ ดังนี้: ไมโครโฟนที่รับเสียงจากภายนอก เครื่องขยายเสียงที่ขยายเสียงให้ดังขึ้น ลำโพงที่ส่งเสียงที่ขยายแล้วเข้าสู่หู และแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานกับเครื่อง ประเภทของเครื่องช่วยฟัง เครื่องช่วยฟังแบบสวมในหู (In-the-Ear, ITE) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินระดับเบาถึงปานกลาง มีขนาดเล็ก ใส่สบาย และไม่สะดุดตา เครื่องช่วยฟังแบบสวมหลังหู (Behind-the-Ear, BTE) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินทุกระดับ ขนาดใหญ่กว่า ITE แต่มีพลังขยายเสียงมากกว่า เครื่องช่วยฟังแบบซ่อนในช่องหู (In-the-Canal, ITC) และแบบซ่อนในช่องหูส่วนลึก (Completely-in-the-Canal, CIC) ขนาดเล็กมาก ไม่สะดุดตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินระดับเบาถึงปานกลาง เครื่องช่วยฟังแบบฝังในกระดูก (Bone-Anchored Hearing Aid, BAHA) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหูตึงที่เกิดจากปัญหาที่หูชั้นกลางหรือหูชั้นใน การเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสม การเลือกเครื่องช่วยฟังควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ระดับการได้ยิน ซึ่งควรตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน ความสะดวกสบาย โดยควรทดลองสวมใส่เครื่องช่วยฟังเพื่อดูว่ารู้สึกสบายหรือไม่ งบประมาณ โดยควรเลือกที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ และการใช้งาน โดยควรพิจารณาว่าคุณต้องการเครื่องช่วยฟังเพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมใด เช่น ในที่ทำงาน หรือในสถานที่เงียบสงบ การดูแลรักษาเครื่องช่วยฟัง การดูแลรักษาเครื่องช่วยฟังเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของเครื่อง ควรทำความสะอาดเครื่องช่วยฟังทุกวันด้วยผ้านุ่มและแห้ง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือสารเคมี ควรเก็บเครื่องช่วยฟังในที่แห้งและปลอดภัย หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนหรือความชื้น ควรตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามคำแนะนำของผู้ผลิต และควรนำเครื่องช่วยฟังไปตรวจเช็คกับผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินเป็นประจำ ประโยชน์ของการใช้เครื่องช่วยฟัง การใช้เครื่องช่วยฟังมีประโยชน์หลายประการ เช่น ทำให้สามารถสื่อสารกับคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคมได้มากขึ้น และการได้ยินที่ดีขึ้นช่วยให้ชีวิตมีคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ การปรับตัวเมื่อใช้เครื่องช่วยฟัง การปรับตัวเมื่อเริ่มใช้เครื่องช่วยฟังเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งผู้ใช้อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวและเรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่องช่วยฟังอย่างถูกต้อง เช่น การฝึกฝนการได้ยินในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือในที่สาธารณะ การปรับระดับเสียงและตั้งค่าต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของคุณ และการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เพื่อให้ได้คำแนะนำและการช่วยเหลือที่เหมาะสม ข้อควรระวังในการใช้เครื่องช่วยฟัง การหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ เพราะเครื่องช่วยฟังไม่ทนน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในขณะว่ายน้ำหรืออาบน้ำ การป้องกันความชื้น เพราะความชื้นอาจทำให้เครื่องช่วยฟังเสียหาย ควรเก็บในที่แห้ง และการระวังการกระแทก เพราะอาจทำให้เครื่องช่วยฟังเสียหาย เครื่องช่วยฟังเป็น ตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาหูตึง ช่วยให้การสื่อสารและการใช้ชีวิตประจำวันกลับมามีคุณภาพอีกครั้ง การเลือกและดูแลรักษาเครื่องช่วยฟังอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณได้ใช้เครื่องช่วยฟังอย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน หากคุณหรือคนในครอบครัวมีปัญหาการได้ยิน อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินเพื่อขอคำแนะนำและเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสม
ใส่เครื่องช่วยฟังดีไหม ข้อดี ข้อเสีย และวิธีการตัดสินใจ
การมีปัญหาการได้ยินสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก หลายคนที่ประสบปัญหานี้อาจสงสัยว่า "ใส่เครื่องช่วยฟังดีไหม" บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของการใส่เครื่องช่วยฟัง และวิธีการตัดสินใจที่เหมาะสมสำหรับคุณ ข้อดีของการใส่เครื่องช่วยฟัง ปรับปรุงคุณภาพการได้ยิน การใส่เครื่องช่วยฟังช่วยให้คุณได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจในตนเอง เมื่อคุณได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น คุณจะรู้สึกมั่นใจในการเข้าสังคมและทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น ป้องกันการเสื่อมสภาพของการได้ยินเพิ่มเติม การใช้เครื่องช่วยฟังสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของการได้ยินที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ใช้เครื่องช่วยฟัง ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การได้ยินเสียงรอบตัวช่วยให้คุณสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และเพลิดเพลินกับชีวิตประจำวันมากขึ้น ข้อเสียของการใส่เครื่องช่วยฟัง ค่าใช้จ่าย เครื่องช่วยฟังมีราคาสูง และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงอาจเป็นภาระทางการเงินได้ ความไม่สะดวกในการสวมใส่ บางคนอาจรู้สึกไม่สบายหรือไม่สะดวกในการสวมใส่เครื่องช่วยฟัง โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ การดูแลรักษา เครื่องช่วยฟังต้องการการดูแลรักษาและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสียงรบกวน บางครั้งเครื่องช่วยฟังอาจรับเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงลม เสียงฝน ทำให้รู้สึกไม่สบาย วิธีการตัดสินใจในการใช้เครื่องช่วยฟัง การตรวจการได้ยิน การตรวจการได้ยินโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน (audiologist) เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการประเมินว่าคุณต้องการเครื่องช่วยฟังหรือไม่ การทดลองใช้ ลองใช้เครื่องช่วยฟังที่มีอยู่ในตลาดเพื่อดูว่าคุณรู้สึกสะดวกสบายและได้ยินชัดเจนหรือไม่ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินเพื่อขอคำแนะนำในการเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมกับคุณ การพิจารณาค่าใช้จ่าย พิจารณางบประมาณและค่าใช้จ่ายในการซื้อและดูแลรักษาเครื่องช่วยฟัง การศึกษาข้อมูล ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องช่วยฟังประเภทต่าง ๆ และคุณสมบัติของเครื่องเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ใส่เครื่องช่วยฟังดีไหม การใส่เครื่องช่วยฟังมีข้อดีมากมายที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพการได้ยินและคุณภาพชีวิตของคุณ แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาเช่นกัน การตัดสินใจในการใส่เครื่องช่วยฟังควรพิจารณาจากความจำเป็นส่วนบุคคลและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เพื่อให้คุณสามารถเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
บัตรทองเบิกเครื่องช่วยฟังได้ไหม สิทธิและขั้นตอนการใช้บริการ
ปัญหาการได้ยินเป็นเรื่องที่สำคัญและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ประสบปัญหาอย่างมาก สำหรับผู้ที่มีบัตรทอง คำถามที่มักจะเกิดขึ้นคือ "บัตรทองสามารถเบิกเครื่องช่วยฟังได้ไหม?" บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสิทธิประโยชน์และขั้นตอนการใช้บัตรทองในการเบิกเครื่องช่วยฟังได้อย่างชัดเจน สิทธิประโยชน์ของบัตรทอง บัตรทองเบิกเครื่องช่วยฟังได้ไหม คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสับ บัตรทองหรือระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศไทยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับการรักษาพยาบาลที่จำเป็น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งครอบคลุมถึงการรักษาโรคทั่วไป การผ่าตัด และอุปกรณ์ทางการแพทย์บางประเภท การเบิกเครื่องช่วยฟังด้วยบัตรทอง ปัจจุบันบัตรทองครอบคลุมการเบิกเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน แต่มีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามดังนี้ การตรวจการได้ยิน: ผู้ที่ต้องการเบิกเครื่องช่วยฟังต้องได้รับการตรวจการได้ยินจากแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก (ENT) หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน ซึ่งจะเป็นผู้ประเมินระดับการสูญเสียการได้ยินและความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยฟัง ใบรับรองแพทย์: ผู้ที่มีสิทธิ์เบิกเครื่องช่วยฟังต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่ามีความจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งใบรับรองนี้จะต้องมาจากสถานพยาบาลที่เข้าร่วมระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า การยื่นคำร้อง: ผู้ประสงค์จะเบิกเครื่องช่วยฟังต้องยื่นคำร้องพร้อมเอกสารที่จำเป็นต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   ขั้นตอนการขอเบิกเครื่องช่วยฟัง นัดพบแพทย์: นัดพบแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตรวจการได้ยิน: แพทย์จะทำการตรวจการได้ยินเพื่อประเมินระดับการสูญเสียการได้ยินและความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยฟัง ขอใบรับรองแพทย์: หากมีความจำเป็น แพทย์จะออกใบรับรองแพทย์เพื่อใช้ในการยื่นคำร้องขอเบิกเครื่องช่วยฟัง ยื่นคำร้อง: ยื่นคำร้องพร้อมใบรับรองแพทย์และเอกสารที่จำเป็นต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอการอนุมัติ: รอการอนุมัติจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หากได้รับการอนุมัติจะสามารถรับเครื่องช่วยฟังได้ตามที่กำหนด   คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเบิกเครื่องช่วยฟัง ศึกษาข้อมูล: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขการเบิกเครื่องช่วยฟังจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปรึกษาแพทย์: ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินเกี่ยวกับปัญหาการได้ยินและความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยฟัง เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน: ตรวจสอบและเตรียมเอกสารที่จำเป็นในการยื่นคำร้องให้ครบถ้วนเพื่อความรวดเร็วในการอนุมัติ การเบิกเครื่องช่วยฟังด้วยบัตรทองเป็นไปได้และเป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้มีบัตรทองสามารถใช้ได้ เพื่อให้ได้เครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมกับความต้องการและการดูแลที่เหมาะสม ควรปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขที่กำหนดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งนี้เพื่อให้คุณสามารถกลับมาได้ยินเสียงโลกได้อย่างชัดเจนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ปัญหาเกี่ยวกับหูตึง: สาเหตุ อาการ และการดูแลรักษา
ปัญหาเกี่ยวกับหูตึง เป็นภาวะที่มีผลกระทบต่อความสามารถในการได้ยิน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย แม้ว่าส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุ การสูญเสียการได้ยินอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การสื่อสาร และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และวิธีการดูแลรักษาปัญหาหูตึง เพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจและสามารถป้องกันหรือจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุของหูตึง ปัญหาเกี่ยวกับหูตึง สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ หูตึงชนิดนำเสียง (Conductive Hearing Loss) และ หูตึง ชนิดประสาท (Sensorineural Hearing Loss) หูตึงชนิดนำเสียง: การอุดตันของช่องหู: เช่น ขี้หูที่สะสมมากเกินไป หรือวัตถุแปลกปลอม การติดเชื้อในหูชั้นกลาง: การติดเชื้ออาจทำให้เกิดการอักเสบและของเหลวสะสมในหู การเจริญเติบโตผิดปกติของกระดูกหู: เช่น การเกิดโรค Otosclerosis ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตผิดปกติของกระดูกในหูชั้นกลาง หูตึงชนิดประสาท: การเสื่อมของประสาทหู: มักเกิดขึ้นตามอายุ การได้รับเสียงดังเป็นเวลานาน: เช่น การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง หรือการฟังเพลงเสียงดังผ่านหูฟัง โรคประสาท: เช่น โรค Meniere's หรือเนื้องอกของเส้นประสาทหู การใช้ยาบางชนิด: ยาบางประเภทสามารถทำลายเซลล์ประสาทหูได้ เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด อาการของหูตึง อาการของหูตึงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง แต่ทั่วไปแล้วอาจประกอบด้วย: ได้ยินเสียงเบาลง: ไม่สามารถได้ยินเสียงที่เคยได้ยินชัดเจน ต้องการให้คนพูดเสียงดังขึ้น: มักขอให้ผู้อื่นพูดเสียงดังหรือชัดเจนขึ้น ฟังไม่ชัดในที่มีเสียงรบกวน: การฟังพูดคุยในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนหรือเสียงพื้นหลังทำให้ยากขึ้น ได้ยินเสียงวิ้งในหู: บางคนอาจได้ยินเสียงวิ้งหรือหึ่งๆ ในหู หลีกเลี่ยงการสนทนา: ผู้ที่มีปัญหาหูตึงอาจหลีกเลี่ยงการสนทนาเพราะรู้สึกไม่สบายใจหรืออาย การดูแลรักษาและป้องกันปัญหาหูตึง การดูแลรักษาปัญหาเกี่ยวกับหูตึงขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง การรักษาอาจประกอบด้วยวิธีการทางการแพทย์และการใช้เครื่องช่วยฟัง การรักษาทางการแพทย์: การขจัดขี้หู: ในกรณีที่เกิดจากการอุดตันของขี้หู แพทย์สามารถขจัดขี้หูออกได้อย่างปลอดภัย การรักษาการติดเชื้อ: การใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาลดการอักเสบตามคำแนะนำของแพทย์ การผ่าตัด: ในบางกรณีที่มีปัญหากระดูกในหู เช่น โรค Otosclerosis การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือก การใช้เครื่องช่วยฟัง: เครื่องช่วยฟัง (Hearing Aid): เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยขยายเสียง ทำให้ผู้ที่มีปัญหาหูตึงสามารถได้ยินชัดเจนขึ้น การฝังเครื่องช่วยฟัง: เช่น Cochlear Implant สำหรับผู้ที่มีปัญหาประสาทหูเสื่อมรุนแรง การป้องกัน: หลีกเลี่ยงเสียงดัง: ป้องกันการสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรใช้ที่ครอบหูหรือที่อุดหู รักษาความสะอาดของหู: หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมในการทำความสะอาดหู เช่น ก้านสำลี ตรวจสุขภาพหูประจำ: ควรตรวจสุขภาพหูและการได้ยินเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ผลกระทบของหูตึงต่อชีวิตประจำวัน ปัญหาหูตึงสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันในหลายด้าน เช่น การสื่อสาร: ผู้ที่มีปัญหาหูตึงอาจพบปัญหาในการฟังและทำความเข้าใจบทสนทนา ทำให้การสื่อสารกับผู้อื่นยากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล: ปัญหาการสื่อสารอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความเครียดในความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน การทำงาน: ผู้ที่มีปัญหาหูตึงอาจพบอุปสรรคในการทำงาน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้การฟังเป็นหลัก สุขภาพจิต: ปัญหาหูตึงสามารถทำให้เกิดความเครียด ความกังวล และภาวะซึมเศร้า เนื่องจากการแยกตัวจากสังคม การรับมือกับปัญหาหูตึงในชีวิตประจำวัน การรับมือกับปัญหาหูตึงในชีวิตประจำวันสามารถทำได้โดย: การใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ: การใช้เครื่องช่วยฟังหรืออุปกรณ์ช่วยฟังอื่น ๆ ที่ทันสมัย การเรียนรู้เทคนิคการสื่อสาร: เช่น การอ่านริมฝีปาก การใช้ภาษามือ หรือการเขียนข้อความเพื่อสื่อสาร การปรับสภาพแวดล้อม: ลดเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อมที่ทำงานหรือที่บ้าน เพื่อให้สามารถสื่อสารได้ชัดเจนขึ้น การสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน: การได้รับการสนับสนุนและความเข้าใจจากคนใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับปัญหาหูตึง ปัญหาหูตึงเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย การทำความเข้าใจสาเหตุ อาการ และวิธีการดูแลรักษาจะช่วยให้เราสามารถป้องกันหรือจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การหลีกเลี่ยงเสียงดัง รักษาความสะอาดของหู และการตรวจสุขภาพหูเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาหูตึงได้อย่างมาก การใช้เครื่องช่วยฟังและการรับการรักษาทางการแพทย์ตามความจำเป็นสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีปัญหาหูตึงได้อย่างมาก การสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาหูตึงสามารถปรับตัวและมีชีวิตที่มีคุณภาพดีได้
เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว ซ่อนมิดในช่องหู
เครื่องช่วยฟังทำหน้าที่เสมือนเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กให้ดังขึ้นโดยใส่ไว้ในช่องหู สามารถถอดเก็บได้ เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว ,ขนาดเล็ก มีทั้งหมด 4 แบบ คือ เครื่องไมโครใส่ในรูหูแบบ IIC หรือ Micro CIC เหมาะสำหรับผู้ที่ประสาทหูเสื่อมเล็กน้อยถึงปานกลาง ตัวเครื่องจะสอดลึกเข้าไปในรูหู ลำโพงและไมโครโฟนเล็กกว่าปกติที่ใช้ทั่วไป จึงมีกำลังขยายได้จำกัด เครื่องจิ๋วใส่ในรูหูแบบ CIC สำหรับผู้ที่มีประสาทหูเสื่อมเล็กน้อยถึงปานกลาง ซ่อนอยู่ในรูหู ทำงานแบบอัตโนมัติ แต่อาจเพิ่มปุ่มปรับความดังหรือใช้รีโมทควบคุมได้ บางรุ่นต่อระบบไร้สายเพิ่มได้ เครื่องเล็กใส่ในช่องหู ITC สำหรับผู้ที่มีประสาทหูเสื่อมเล็กปานกลางถึงมาก ซ่อนอยู่ในช่องหู มีสองไมโครโฟน ทำให้ตัดเสียงรบกวนและแยกทิศทางเสียงได้ดีขึ้น เครื่องใหญ่ใส่ในช่องหู ITE เครื่องช่วยฟังรุ่นประหยัดถ่าน เพราะใช้ถ่านก้อนใหญ่ เบอร์ 13 สำหรับผู้ที่มีประสาทหูเสื่อมปานกลางถึงมาก ทำงานแบบอัตโนมัติ มีปุ่มปรับความดังหรือใช้รีโมทควบคุมได้ บางรุ่นเพิ่มระบบไร้สายได้และเชื่อมต่อกันได้และทำงานสัมพันธ์สองข้าง เช่น มีเสียงจอแจข้างขวา แต่เสียงพูดมาจากข้างซ้าย เครื่องขยายเสียงหูซ้ายมากขึ้นตัดเสียงรบกวนหรือลดการขยายเสียงหูขวา เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความบกพร่องการได้ยินหรือผู้ที่ประสาทหูเสื่อมเริ่มต้นจนถึงมาก โดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยทำงาน เพื่อไม่ทำให้บุคลิกภาพเสียแถมยังปกปิดการมองเห็นจากผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี มีความสะดวกคล่องตัวง่ายต่อการสวมใส่ ซึ่งเครื่องช่วยฟังขนาดเล็กอาจไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดที่เล็กอาจมีกำลังขยายของเสียงไม่เพียงพอต่อการได้ยิน สำหรับใครที่ต้องการใช้เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก ควรหมั่นทำความสะอาดช่องหูของคุณเพื่อป้องกันการสะสมของขี้หูและทำให้เครื่องช่วยฟังเกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีเหงื่อออกเยอะ การใช้เครื่องช่วยฟังขนาดเล็กจะช่วยลดโอกาสเหงื่อไหลเข้าตัวเครื่องให้ลดน้อยลงอีกด้วย ใครที่มีปัญหาทางการได้ยินการใส่เครื่องช่วยฟังไม่ใช่เรื่องน่าอาย เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของหูเราหรือคนรอบข้าง เช่น เริ่มได้ยินไม่ชัด บางคำหายไป ได้ยินไม่ครบทั้งประโยคมีเสียงดังในหูดูโทรทัศน์เสียงดังกว่าปกติ หรือมักขอให้คู่สนทนาพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดและทำการเข้ารักษาทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะถ้าไม่รีบรักษาอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากสื่อสารกับผู้อื่นได้ยาก ทำให้ไม่อยากเข้าสังคม รู้สึกเหมือนตัวคนเดียว และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ หรือแนะนำให้ใส่ เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว เพื่อปกปิดการมองเห็น
เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่ากัน เราควรเลือกแบบไหน
เครื่องช่วยฟังคืออะไร หลายท่านนั้นอาจไม่รู้จักเครื่องช่วยฟัง เครื่องช่วยฟังนั้นคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กที่สามารถใส่ในช่องหูได้ เครื่องช่วยฟังนั้นประกอบไปด้วยลำโพง ไมโครโฟน ตัวขยายเสียง และในระบบดิจิตอลมีไม่โครชิพที่เหมือนกับคอมพิวเตอร์สั่งการการทำงานได้อย่างรวดเร็ว การใส่เครื่องช่วยฟังไม่เป็นอันตรายต่อช่องหู และเครื่องช่วยฟังเหมาะสำหรับผู้ที่อาการหูตึง หูอื้อ โดยการทำงานของเครื่องช่วยฟังจะทำการรับเสียงต่างๆเข้าผ่านตัวขยายเสียงเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาทางด้านการได้ยินนั้นได้ยินเสียงที่ชัดเจนขึ้น จับคำพูดได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ที่มีปัญหาหูตึง หูอื้อ สามารถสนทนาและสื่อสารกับผู้คนรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น การใส่เครื่องช่วยฟังทำให้การใช้ชีวิตของผู้ที่มีปัญหาหูตึง หูอื้อนั้นไม่ลำบากอีกต่อไป เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จไฟแตกต่างจากเครื่องช่วยฟังแบบใส่ถ่านอย่างไร เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จไฟนั้นเป็นการชาร์จไฟให้ตัวเครื่องช่วยฟังสามารถทำงานได้ โดยมีการใช้ไฟฟ้าในการจ่ายไฟไปยังเครื่องช่วยฟังให้มีการทำงานคล้ายกับการใช้โทรศัพท์มือถือนั่นเอง และในบ้างรุ่นมีกล่องชาร์จไฟที่คล้ายกับพาวเวอร์แบงก์ที่สามารถสำรองไฟในการการชาร์จไฟเครื่องช่วยฟังนอกสถานที่ได้ สามารถพกพาและชาร์จไฟได้ในทุกที่นั่นเอง ส่วนเครื่องช่วยฟังแบบใส่ถ่านนั้นเป็นการใช้ถ่านแล้วทิ้ง โดยถ่านที่ใสช้อกับเครื่องช่วยฟังนั้นเป็นถ่านแบบ Zinc Air ที่ปลดสารปรอทและไม่เป็นอันตรายและสามารถจ่ายกระแสไฟได้อย่างเสถียร โดยการทำงานของเครื่องช่วยฟังแบบใส่ถ่านนั้นมีการทำงานจาการใส่ถ่านและกระจายกระแสไฟเข้าสู่เครื่องช่วยฟังเพื่อให้เครื่องช่วยฟังทำงานนั่นเอง โดยถ่านเครื่องช่วยฟังนั้นมีด้วยกันหลายเบอร์ซึ่งเครื่องช่วยฟังแต่ละรุ่นนั้นแต่ละแบบมีการใช้ถ่านเครื่องช่วยฟังที่แตกต่างกัน ถ่านเครื่องช่วยฟัง 1 ก้อนนั้นสามารถใช้งานได้โดยเฉลี่ยประมาณ 5-6 วันหากถ่านเครื่องช่วยฟังหมดเครื่องช่วยฟังนั้นจะมีสัญญาณเตือนเพื่อต้องเปลี่ยนถ่านก้อนใหม่นั่นเอง เราควรเลือกเครื่องช่วยฟังแบบไหนให้เหมาะสมที่สุด การเลือกเครื่องช่วยฟังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่ากัน เพราะหากเราเลือกเครื่องช่วยฟังที่ไม่ตรงต่อการได้ยินของเราปัญหาหูตึง หูอื้อนั้นก็ไม่ถูกแก้ไขอย่างถูกวิธี การเลือกเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมต่อการได้ยินของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอีกหนึ่งอย่าง  เครื่องช่วยฟังมีทั้งแบบชาร์จไฟและแบบใส่ถ่าน ซึ่งเครื่องช่วยฟังแต่ละแบบนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป หากการใช้งานที่สะดวกและมีอาการหูตึงที่ไม่รุนแรง แนะนำเครื่องช่วยฟังแบบชาร์จไฟเพราะเครื่องช่วยฟังชนิดนี้มีกล่องชาร์จไฟที่สามารถชาร์จไฟเครื่องช่วยฟังได้ในทุกที่ และสำหรับผู้ที่หูตึงที่รุนแรงนั้นแนะนำเครื่องช่วยฟังแบบใส่ถ่านเพราะตัวเครื่องช่วยฟังชนิดนี้มีกำลังขยายที่สูงและถ่านเครื่องช่วยฟังที่ใช้เป็นแบบใช้แล้วทิ้งนั่นเอง การเลือกเครื่องช่วยฟังควรเลือกเครื่องช่วยฟังที่ตอบโจทย์กับปัญหาหูตึงของผู้ใช้งานมากที่สุดนั่นเอง ทำไมต้องใส่เครื่องช่วยฟัง การใส่เครื่องช่วยฟังนั้นเป็นการชะลอการเสื่อมของเส้นประสาทหูและช่วยกระตุ้นให้เส้นประสาทหูทำงาน และการใช้เครื่องช่วยฟังนั้นช่วยให้การสื่อสารกับคนรอบข้างดีขึ้น สามารถฟังเสียงต่างๆได้ชัดเจน จับคำพูดได้ชัดเจนขึ้น สามารถสื่อสารได้อย่างรู้เรื่องและไม่ต้องถามย้ำๆในประโยคเดียว ทำให้การใช้ชีวิตของผู้ที่หูตึง หูอื้อนั้นดีกว่าเดิม และบางท่านอาจเกิดความอายหากใส่เครื่องช่วยฟังกลัวคนอื่นรู้ว่าหูตึง เครื่องช่วยฟังในปัจจุบันนี้มีแบบใส่ในช่องหูแบบขนาดเล็กที่สามารถปกปิดการมองเห็นได้เป็นอย่างนี้และไม่ทำให้เป็นกังวลในเรื่องนี้ และหากผู้ที่มีปัญหาหูตึงไม่สวมใส่เครื่องช่วยฟังอาจทำให้จากปัญหาหูตึงกลายเป็นหูหนวกได้ในอนาคตอีกด้วย สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องช่วยฟังดีๆที่ตอบโจทย์และมีให้เลือกมากมายหลากหลายรุ่นแนะนำเครื่องช่วยฟังของร้านเรามีให้มากมาย มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำพร้อมให้คำปรึกษากับทุกปัญหาหูตึง และเครื่องช่วยฟังของร้านเราปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะเครื่องช่วยฟังทุกรุ่นได้รับมาตฐานอย.สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration) ว่าปลดปล่อยต่อหูของคุณอย่างแน่นอน    
bus
ส่งด่วนส่งไว

เครื่องช่วยฟังที่ใช่

ให้ GOOD PRICE ดูแล
สอบถามเพิ่มเติม โทร.
090-419-4199
ช่องทางการติดต่อ
kseven.hearingaid@gmail.com